มูลนิธิกีฬากอล์ฟไทย เตรียมจัดกอล์ฟเทิดพระเกียรติ ฉลองทั่วประเทศ

มูลนิธิกีฬากอล์ฟไทย เตรียมจัดกอล์ฟเทิดพระเกียรติ ฉลองทั่วประเทศ

กรุงเทพฯ – มูลนิธิกีฬากอล์ฟไทย (Thailand Golf Foundation) โดยการนำของ นายสุทิน ดรุณโยธิน ประธานมูลนิธิฯ ได้จัดแถลงข่าวเพื่อประกาศกิจกรรมสำคัญที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ รวมถึงความสำเร็จของกิจกรรมที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมและพัฒนากีฬากอล์ฟในประเทศไทย งานนี้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2567 ณ สโมสรราชพฤกษ์ นอร์ธปาร์ค กรุงเทพฯ

กิจกรรมหลักที่ได้รับการประกาศ คือ การจัดแข่งขันกอล์ฟเทิดพระเกียรติ ฉลองครบรอบ 120 ปี วันพระราชสมภพ สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 20 ธันวาคม 2567 พร้อมกันใน 89 สนามกอล์ฟ สมาชิกสมาคมสนามกอล์ฟไทยทั่วประเทศ นอกจากนี้ ยังมีนิทรรศการฉลองครบรอบ 100 ปี กีฬากอล์ฟในประเทศไทย ที่จะจัดขึ้นตามสนามกอล์ฟต่างๆ เพื่อเผยแพร่ประวัติศาสตร์และความสำคัญของกีฬากอล์ฟในประเทศ

บุคคลสำคัญที่เข้าร่วมงานแถลงข่าว ได้แก่

นายสุทิน ดรุณโยธิน ประธานมูลนิธิฯ และนายกสมาคมกีฬากอล์ฟอาชีพอาวุโสไทย
นายสุชาติ สุวรรณศรี นายกสมาคมสนามกอล์ฟไทย และรองประธานกรรมการมูลนิธิฯ
นางจิตกานต์ ล่ำซํา นายกสมาคมกีฬากอล์ฟสตรี และเหรัญญิกมูลนิธิ
นายเมธี สุทัศน์ ณ อยุธยา กรรมการมูลนิธิ
นางเรวดี ต. สุวรรณ กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิ
นายสุทิน ดรุณโยธิน ได้กล่าวถึงความสำคัญของการจัดกิจกรรมครั้งนี้ว่า

“ปีนี้ถือเป็นปีสำคัญของวงการกอล์ฟไทยที่ครบรอบ 100 ปี เราตั้งเป้าหมายให้มูลนิธิฯ เป็นศูนย์กลางในการพัฒนากีฬากอล์ฟในทุกมิติ ทั้งด้านการศึกษา ความร่วมมือกับสมาคมต่างๆ รวมถึงการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับกีฬากอล์ฟสู่สาธารณชน”

นอกจากนี้ ยังได้พูดถึงความร่วมมือกับ มหาวิทยาลัยรังสิต ในการพัฒนาหลักสูตรกีฬากอล์ฟให้ได้มาตรฐานระดับสากล รวมถึงการจัดกิจกรรมระดมทุนเพื่อสนับสนุนกิจกรรมของมูลนิธิ เช่น การแข่งขันกอล์ฟครั้งแรกเมื่อปี 2566 ที่สนามสยามคันทรีคลับ ซึ่งได้รับผลตอบรับอย่างดีเยี่ยม

การแข่งขันใหญ่ครั้งนี้ ยังมีไฮไลต์สำคัญคือ การแข่งขันประเภททีม 4 คน ไม่จำกัดเพศ ที่สนามกอล์ฟนวธานี ชิงถ้วยรางวัลเกียรติยศจาก The R&A โดยรายได้จากงานครั้งนี้จะนำไปมอบให้กับ มูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี รวมถึงสนับสนุนกิจกรรมของมูลนิธิกีฬากอล์ฟในอนาคต

งานนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของวงการกอล์ฟไทยที่ไม่เพียงสร้างความสามัคคีในหมู่ผู้เล่นและสมาคมต่างๆ แต่ยังช่วยเผยแพร่ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของกีฬากอล์ฟสู่ประชาชนในวงกว้างอีกด้วย